http://en.worldis.me/buaemm/blogs
http://www.myspace.com/601767691/blog
http://my.opera.com/nisa251/blog/
http://abouthowto.edublogs.org
สูตรขนมไทย
วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ขนมเปียกปูน
* แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
* แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาลมะพร้าว 400 กรัม
* น้ำกาบมะพร้าวเผา 3/4 ถ้วยตวง
* น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง
* น้ำปูนใส 4 ถ้วยตวง
* เนื้อมะพร้าวฝอย 1 1/2 ถ้วย
(คลุกเกลือนิดหน่อย ไว้สำหรับโรยหน้า)
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1.
นำกาบมะพร้าวไปเผาไฟพอไหม้นิดหน่อยจึงนำไปจุ่มลงในน้ำสะอาด
ทิ้งไว้ให้กาบมะพร้าวแห้ง จึงนำไปโขลกให้ละเอียด และร่อนจนได้ผงละเอียด
แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำสะอาด 3/4 ถ้วยตวง
2.
ผสมแป้งข้าวเจ้าและ แป้งเท้ายายม่อม กับน้ำกะทิ, น้ำปูนใส, น้ำกาบมะพร้าว
(ที่ทำในขั้นตอนที่ 1)และ น้ำตาลมะพร้าว
ผสมจนทุกอย่างละลายเข้ากันดีจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
3.
เมื่อกรองเสร็จแล้ว เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้)
นำไปตั้งไฟกวนโดยใช้ไฟแรง กวนสักพักพอแป้งจับตัวกันเป็นก้อน จึงลดไฟลงและ
กวนต่อจนส่วนผสมข้นและเหนียว
จึงเทใส่ถาดเกลี่ยหน้าให้เรียบหรือเทใส่แบบพิมพ์ที่เตรียมไว้
4. ถ้าเทใส่ถาด รอจนส่วนผสมเย็นจึงตัดเป็นชิ้น โรยด้วยเนื้อมะพร้าวฝอย ตักเป็นชิ้นใส่จานเสริฟ หรือเสริฟทั้งถาดแล้วแต่ความเหมาะสม
|
ขนมแกงบวดฟักทอง
* ฟักทองหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 2 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 2 1/2 ถ้วยตวง
* หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
* หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
* ใบเตย 2 ใบ
* น้ำตาลทราย 40 กรัม
* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ทำความสะอาดและหั่นฟักทองเป็นชิ้นพอดีคำ เพื่อความสวยงามไม่ต้องปอกเปลือกออก
2. นำหางกะทิ, ใบเตย, น้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บใส่ลงไปในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลางจนเดือด
3. ใส่ฟักทองที่หั่นไว้แล้วลงไป ต้มต่อไปจนฟักทองสุกและนุ่ม (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)
4. ใส่หัวกะทิและเกลือลงไป ต้มต่อจนเืดือดอีกครั้งจึงปิดไฟ
5 . ตักใส่ถ้วย สามารถเสริฟทันทีขณะร้อน หรือปล่อยไว้ให้เย็นแล้วค่อยเสริฟเป็นอาหารว่างในวันสบายๆ
|
ขนมทองหยอด
* ไข่เป็ด 18 ฟอง
* แป้งทองหยอด 1 ถ้วยตวง (หรือแป้งข้าวเจ้า)
* น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
* น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วยตวง
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1.
ผสมน้ำลอยดอกไม้กับน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง
แล้วนำไปตั้งไฟแรงให้เดือด เคี่ยวทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที
จากนั้นจึงแบ่งน้ำเชื่อมส่วนหนึ่งออกมาสำหรับแช่ทองหยอดที่สุกแล้ว
2.
ต่อยไข่ แยกไข่ขาวออก ใช้เฉพาะไข่แดง
โดยนำไข่แดงไปกรองในผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก
จากนั้นจึงตีไข่แดงให้ขึ้นฟู จากนั้นค่อยๆผสม
แป้งทองหยอดลงไปและคนให้แป้งและไข่แดงเข้ากัน
3.
นำไข่แดงที่ผสมแป้งเรียบร้อยไปหยอดในน้ำเชื่อม
สำหรับวิธีหยอดนั้นให้ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง
หยิบส่วนผสมมาเป็นลูกขนาดพอประมาณ แล้วจึงสบัดลงไปในน้ำเชื่อม
ทำเช่นนี้จนเต็มกระทะทองเหลือง
จากนั้นรอจนทองหยอดสุกจึงตักออกมาพักใส่ในน้ำเชื่อมที่แยกไว้ก่อนหน้านี้
(ทองหยอดที่สุกจะลอยขึ้น)
4. จัดทองหยอดใส่จานเสริฟเป็นของว่างหรือของทานเล่นในวันพักผ่อนสบายๆ
|
ขนมตะโก้
สำหรับทำตัวตะโก้
* แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วยตวง
* น้ำกลิ่นมะลิ 3 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
* น้ำใบเตยคั้น 1/2 ถ้วยตวง
* แห้วต้มหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง
* กระทงหรือแบบสำหรับใส่ขนม
สำหรับทำหน้าตะโก้
* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
* กะทิ 2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1.
เตรียมทำตัวตะโก้ โดยผสมแป้งถั่วเขียว, น้ำตาลทราย, น้ำใบเตยและ
น้ำกลิ่นมะลิ เข้าด้วยกันในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนสุกและข้น
2.
จากนั้นใส่แห้วจีนต้มที่หั่นเตรียมไว้ลงไปในหม้อ
กวนต่ออีกสักครู่จึงปิดไฟ
ตักตัวตะโก้หยอดในกระทงหรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งนึงของแบบ
3.
เตรียมทำหน้าตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้า, กะทิ และเกลือป่น
เข้าด้วยกันในหม้อขนาดเล็ก จากนั้นนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กวนจนข้นพอดี
จึงปิดไฟ
4. หยอดหน้าตะโก้ลงบนกระทงหรือแบบให้เต็ม ทิ้งไว้ให้เย็น จัดใส่จานเสริฟเป็นของว่างได้ทันที
|
ลูกชุบ
* ถั่วเขียว 450 กรัม
* น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
* น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* น้ำกะทิ 400 กรัม
* วุ้นผง 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* สีผสมอาหาร
(อย่างน้อยแม่สี 3 สี : สีแดง, สีเหลืองและน้ำเงิน),
จานสีและพู่กัน
* ไม้จิ้มฟัน
(สำหรับเสียบถั่วที่ปั้นแล้วเพื่อแต่งสีและจิ้มลงในน้ำวุ้น)
* โฟม
(สำหรับเสียบถั่วปั้นระหว่างทำ ถ้าวางบนพื้นจะเสียทรง)
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
3.
จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง
(หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว
(ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง
มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
4.
ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงตามใจชอบ (ผัก, ผลไม้หรือสัตว์น่ารักๆ)
เมื่อปั้นเสร็จให้เสียบไม้จิ้มฟันรอไว้
ควรปั้นส่วนผสมทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อยก่อน
ถั่วที่ปั้นเสร็จแล้วควรห่อไว้ด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ
5. ผสมสีผสมอาหารตามต้องการ แล้วจึงบรรจงแต่งสีลงบนถั่วปั้นให้เหมือนจริง หรือตามแต่ความชอบ
6.
ทำน้ำวุ้นโดยผสมน้ำเปล่า, ผงวุ้นและน้ำตาล ลงในหม้อ
นำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง หมั่นคนอย่างสม่ำเสมอ รอจนส่วนผสมเดือด
ช้อนฟองที่ลอยหน้าออก จึงหรี่ไฟลง
7.
นำถั่วปั้นที่แต่งสีแล้วไปชุบในน้ำวุ้น ควรชุบประมาณ 2 - 3 ครั้ง
ระหว่างชุบวุ้นต้องอุ่นน้ำวุ้นด้วยไฟอ่อนเพื่อไม่ให้วุ้นแข็ง
ถ้าไม่พอก็ผสมน้ำวุ้นขึ้นใหม่ตามอัตราส่วนข้างต้น
8. นำลูกชุบออกจากไม้ิจิ้มฟัน ตัดแต่งเศษวุ้นส่วนเกินออกด้วยกรรไกร จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆได้ทันที
|
ขนมกล้วย
* กล้วยน้ำว้า 8 - 10 ลูก (ปอกเปลือกและบดให้เละ)
* แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
* แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
* น้ำตาล 1 1/4 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1/2 ช้่อนชา
* หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
* เนื้อมะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง
วิธีทำทีละขั้นตอน
1.
นำกล้วย, แป้งข้าวเจ้า, แป้งมัน, น้ำตาล, เกลือ, หัวกะทิ และ
เนื้อมะพร้าวขูด (ประมาณ 3/4 ส่วนของทั้งหมด) ผสมกัน
จากนั้นนวดด้วยมือจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
2.
ตักส่วนผสมในข้อหนึ่งลงในถ้วยหรือแบบที่ต้องการ หรือจะใช้ใบตองห่อก็ได้
แล้วแต่ความสะดวก เสร็จแล้วนำเนื้อมะพร้าวขูดที่เหลือโรยหน้า
3. นำไปนึ่งประมาณ 30 นาที หรืออาจนำไปอบโดยใช้ความร้อนประมาณ 180 องศาเซลเซียส (360 องศาฟาเรนไฮต์) เป็นเวลา 30 นาทีเช่นกัน
4. เมื่อขนมกล้วยสุกแล้ว ให้นำออกจากแบบ สามารถเสริฟได้ทั้งขณะร้อนหรือเย็นแล้ว
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)